*สรุปผลงานวิจัยเหล่านี้ไม่ใช่การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ การสรุปผลงานวิจัยฉบับนี้ได้รับการแปลและจัดทำ โดยทีม Covid Vaccines Thailand ซึ่งประกอบไปด้วยทีมแพทย์และนักวิจัยไม่กี่ท่าน มีความตั้งใจหลักเพื่อสนับสนุนให้ คนไทยมีช่องทางเขาถึงแหล่งข้อมูลต้นทาง เช่น ลิ้งค์งานวิจัยที่ตีพิมพ์ หรือลิ้งค์ประกาศทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาหรือตามอัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโควิด19 ด้วยตนเอง โดยไม่มีจุดประสงค์ทางการค้า ใดใด สรุปผลงานวิจัยแต่ละชิ้นอาจจะไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่เหมือนกัน 100% เนื่องจากมีทีมสรุปหลายท่านภายใต้การตรวจ สอบคุณภาพและความถูกต้อง มิควรแก้ไขข้อมูลสรุปผลงานวิจัยเหล่านี้เพื่อชักนำไปในทางที่ผิดหรือเพื่อจุดประสงค์อื่น
หากท่านมีคำถาม มีข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะ สังเกตเห็นข้อผิดพลาดในการแปล พิมพ์ตกหล่น ต้องการความช่วยเหลือ หรือ อยากอาสาเข้ารวมทีม สามารถติดต่อมาได้ที่ covidvacth@gmail.com พวกเรายินดีตอบกลับ 😀
*หมายเหตุ: เนื่องจากตามรายงานยอดฉีดวัคซีนของกรมควบคุมโรคมีการอัพเดตเปลี่ยนจากรายวันเป็นรายสัปดาห์ ทางเว็บไซต์ CovidVacTH.com จะมีการอัพเดตจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นรายสัปดาห์ตามไปด้วย
ขอขอบคุณ
ทีม Covid Vaccines Thailand
คำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด 19 (ข้อมูล ณ วันที่ 21 มีนาคม 2565)
แหล่งที่มา: https://web.facebook.com/photo?fbid=282954973983500&set=a.249595710652760
แหล่งที่มา: https://web.facebook.com/photo/?fbid=283015247310806&set=a.249595700652761
แหล่งที่มา: https://web.facebook.com/photo/?fbid=283069097305421&set=a.249595700652761
สำหรับผู้ที่เคยมีประวัติเป็นโรคโควิด19 มาก่อน แม้จะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโควิด 19 ในร่างกาย แต่ยังมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้
ดังนั้น จึงควรได้รับวัคซีนโควิด 19 เสมอ แม้ว่าจะเคยเป็นโรคโควิด 19 มาก่อนก็ตาม โดยเว้นระยะห่างจากการติดเชื้อไปอย่างน้อย 3 เดือน ไม่จำเป็นต้องตรวจการติดเชื้อก่อนฉีดวัคซีน เพราะแม้จะเคยเป็นมาก่อน ก็ไม่ทำให้มีอันตรายจากการฉีดวัคซีน โดยอาจพิจารณาให้ฉีดเพียง 1 เข็ม เพราะจะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีมากอย่างเพียงพอ (หากติดเชื้อหลังได้รับวัคซีนครบแล้วสองเข็ม อาจพิจารณาไม่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนอีกภายในปี 2564 รอดูผลการศึกษาต่อไปในต้นปี 2565)
เนื่องจากวัคซีนโควิด 19 เป็นวัคซีนที่ผลิตออกมาไม่นาน และยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการให้วัคซีนนี้ควบคู่กับวัคซีนอื่น จึงแนะนำให้เว้นระยะระหว่างวัคซีนโควิด 19 และวัคซีนชนิดอื่นเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาจากการฉีดวัคซีนพร้อมกัน และเพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนการตอบสนองต่อวัคซีนที่ฉีดตามมา โดยให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ก่อนวัคซีนอื่น ๆ อย่างไรก็ดีวัคซีนที่มีความจำเป็น เช่น วัคซีนพิษสุนัขบ้าเมื่อถูกสัตว์กัด หรือวัคซีนบาดทะยักเมื่อมีบาดแผล ให้ฉีดวัคซีนได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องทิ้งช่วงเวลา และในกรณีที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโรคโควิด 19 ให้ฉีดวัคซีนทันทีที่ทำได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะห่าง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรงซึ่งต้องคำนึงถึงมากกว่า
ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับผลวัคซีนโควิด 19 ต่อระดับภูมิคุ้มกันโรคในระยะยาว จึงยังไม่มีคำแนะนำในขณะนี้
วัคซีนที่ผลิตในปัจจุบันพัฒนามาจากไวรัสที่ระบาดในช่วงแรก จึงอาจทำให้ประสิทธิผลในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้ลดลง อย่างไรก็ดีผลกระทบของไวรัสกลายพันธุ์ต่อประสิทธิภาพของวัคซีนแต่ละชนิดจำเป็นต้องมีการศึกษาต่อไป อาจเป็นไปได้ว่าต้องมีการฉีดวัคซีนต่อไวรัสที่กลายพันธุ์ซ้ำในอนาคต
วัคซีนอาจไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ทั้งหมด แต่ป้องกันโรครุนแรงได้เกือบทั้งหมด ดังนั้นผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วอาจติดเชื้อแบบไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยมากได้
ดังนั้นหลังฉีดวัคซีนจึงยังจำเป็นต้องรักษามาตรการในการป้องกันเชื้อในชุมชน ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางกายภาพ หลีกเลี่ยงการไปยังที่ที่มีคนหนาแน่น และล้างมือบ่อย ๆ ต่อไปอย่างเคร่งครัด จนกว่าจะมีความมั่นใจว่าคนในชุมชนส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดจะมีภูมิคุ้มกันโรคแล้ว จึงจะสามารถลดหย่อนมาตรการได้ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้ให้คำแนะนำต่อไป
ระยะห่างระหว่างเข็มที่ 1 และ 2 ของวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท Sinovac คือ 2-4 สัปดาห์
สำหรับวัคซีนของบริษัท AstraZeneca คือ 10-12 สัปดาห์ และพิจารณาให้เลื่อนได้ถึง 16 สัปดาห์ถ้าจำเป็น
หากกลุ่มเป้าหมายมารับวัคซีนล่าช้า ขอให้เจ้าหน้าที่ติดตามให้กลุ่มเป้าหมายมารับวัคซีนโควิด 19 ในครั้งที่ 2 โดยเร็วที่สุด ไม่จำเป็นต้องเริ่มฉีดใหม่ สามารถนับต่อเนื่องได้เลย
อาการชา อ่อนแรง หรืออาการคล้ายอาการของระบบประสาทอื่น ๆ ที่เป็นอาการชั่วคราว ไม่มีพยาธิสภาพเกิดขึ้น และหายเป็นปกติ อาการเหล่านี้ไม่เป็นข้อห้ามในการฉีดวัคซีนเดิมในเข็มที่ 2 แต่หากมีอาการรุนแรงและกังวล ควรเปลี่ยนชนิดของวัคซีนในเข็มที่ 2
สามารถให้วัคซีนของบริษัท Sinovac แทนได้ โดยเว้นช่วงห่าง 10-16 สัปดาห์ (ตามระยะห่างของ วัคซีนของบริษัท AstraZeneca เข็ม 1 และ เข็ม 2) การเว้นช่วงห่างระหว่างวัคซีนเข็ม 2 จากวัคซีนเข็ม 1 ในกรณีเปลี่ยนชนิดของวัคซีนให้พิจารณาตามชนิดของวัคซีนที่ฉีดเป็นเข็มที่ 1 เป็นหลัก
ไม่ต้องให้วัคซีนซ้ำหรือให้การรักษาใดๆ แต่ให้สังเกตอาการ และนับต่อเนื่องไปเลย
ควรให้วัคซีนเข็มที่ 2 แต่ควรเปลี่ยนชนิดของวัคซีนหากมีปฏิกิริยามากในเข็มแรก
สำหรับผู้ที่เคยมีประวัติเป็นโรคโควิด 19 มาก่อน แม้จะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโควิด 19 ในร่างกาย แต่ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลาของภูมิคุ้มกันในร่างกายที่จะป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ครั้งต่อไป และยังมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้
ดังนั้น จึงควรได้รับวัคซีนโควิด 19 เสมอ แม้ว่าจะเคยเป็นโรคโควิด 19 มาก่อนก็ตาม โดยเว้นระยะห่างจากการติดเชื้อไปอย่างน้อย 3-6 เดือน ไม่จำเป็นต้องตรวจการติดเชื้อก่อนฉีดวัคซีน เพราะแม้จะเคยเป็นมาก่อน ก็ไม่ทำให้มีอันตรายจากการฉีดวัคซีน โดยอาจพิจารณาให้ฉีดเพียง 1 เข็ม
หากมีข้อสงสัยเรื่องการใช้ “หมอพร้อม” สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์ประสานงานข้อมูลหมอพร้อม (MOHPROMT Contact Center) หมายเลขโทรศัพท์ 0-2792-2333